สำนวนหนึ่งกล่าวถึงพญานาคที่วัดป่าปากโดม คือ “ทะนะมูลนาค” และอีกสำนวนชาวบ้านเชื่อว่าในพื้นที่มีพญานาคอาศัยอยู่ที่แห่งนี้ 2 ตน คือ “เจ้าปูภูวงศ์” และ “เจ้าย่าปทุมมา” นอกจากนั้น ยังมีเรื่องเล่า ตำนาน ความเชื่อเกี่ยวกับงูใหญ่ที่อาศัยอยู่แต่เดิมก่อนที่จะมีรูปปั้นพญานาคทะนะมูลนาค ชาวบ้านมองว่าเจ้าปูภูวงศ์พญานาคสีเขียวเป็นพ่อใหญ่ของชาวบ้านและคนปากโดม จึงให้ความเคารพนับถือมาอย่างยาวนาน และพญานาคอีกตน คือ เจ้าย่าปทุมมา” พญานาคสีขาว ชาวบ้านนิยมมาไหว้เพื่อขอพรสถาปัตยกรรมองค์พญานาคดูยิ่งใหญ่อลังการและสวยงาม ภายในวัดยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้สักการะกันอีกมากมายทั้งพระพุทธปารุรังสีสัมมะโพธิญาณและพญานาคองค์อื่นๆ [5] สมนึก ชาวบ้านเล่าว่า “พระอาจารย์เป็นพระธุดงค์พระเดินทางแสวงบุญมาเรื่อยๆ บ้านเดิมมาจากร้อยเอ็ด เดินทางมาปักกกรดและจำศีลตั้งแต่สมัยยังไม่มีศาลา ครั้งนั้นมีพญานาคมาเข้านิมิต (กรรมฐาน) จึงได้สร้างพญานาคขึ้นที่นี่ จริงๆ ที่นี่ไม่ใช่ “วัด” ชาวบ้านเรียกว่า “สำนักสงฆ์” ตั้งขึ้นประมาณ 20 ปีที่แล้ว พญานาคที่วัดป่าปากโดมมีทั้งสีขาวและสีฟ้า ชื่อเสียงโด่งดังเพราะมีคนมาขอพรต่างๆ ทั้งเรื่องตำแหน่งการงาน การขายที่ดิน บางคนติดประกาศไว้ไม่ได้ขายสักทีพอมาที่นี่แล้วกลับไปก็ได้ขาย”[6]
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ “มหัศจรรย์ลำน้ำมูล” ว่าพญานาคอาศัยอยู่ใต้เมืองบาดาลลึกลงไปใต้ดิน 16 กิโลเมตร มีปราสาทสวยงามไม่แพ้สวรรค์ พระอาจารย์โก กล่าวว่า ผืนป่าริมแม่น้ำมูลที่เคยเป็นที่รกร้างมาก่อน การนั่งกรรมฐานของพระอาจารย์มาถึงสถานที่แห่งนี้และนั่งกำหนดจิตถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เฝ้าดูแลและขอให้พบเห็นเพื่อที่จะนำทางไปสู่นิพพาน ช่วงประมาณ พ.ศ. 2532 ได้นิมิตเห็นแสงสว่างและมีพระพาไปกราบพระใหญ่ รวมทั้งนิมิตเห็นหลวงปู่มั่น และหลวงปู่เสาร์ จึงตั้งจิตสมาธิอยู่บริเวณริมแม่น้ำมูล 3 เดือน การนั่งสมาธิมีงูใหญ่ตัวสีดำทั้งน้อยใหญ่มาให้เห็นและนิมิตเห็นงูตัวหนึ่งที่เลื้อยมาขดอยู่บนตัก รวมทั้งการพบเห็นหญิง 2 นางที่เดินทางมาใส่บาตร ตอนแรกไม่ได้สงสัยอะไร หญิงสาว 2 นางมาตักบาตรและถามไถ่ถึงแหล่งที่อยู่ทราบว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำมูล วันหนึ่ง หญิงสาวทั้ง 2 ชวนให้สึกออกไปอยู่ด้วย จึงเข้าใจว่างูสีดำที่นิมิตเห็นคือพญานาคที่มาลองใจ จึงปฏิเสธแล้วหญิงสาว 2 นาง นางทั้งสองกราบลาและพายเรือหายลับไปกับตากลางแม่น้ำมูล ภายหลังพระอาจารย์ทราบจากชาวบ้านว่า บริเวณริมฝั่งแม่น้ำมูลแห่งนั้นเป็นที่อยู่ของพญานาค วันหนึ่งพระอาจารย์โกเจ็บป่วยพบว่ามีงูเลื้อยขึ้นมาอยู่และมีการไล่งูซึ่งเป็นสัตว์เดียรฉาน แต่งูตัวนั้นยิ่งถูกไล่ก็ยิ่งขด พระอาจารย์จึงตั้งจิตถามว่าถ้าไม่ใช่งูธรรมดาจงสำแดงฤทธิ์ให้รู้ (ผ่านการนิมิต) พระอาจารย์จึงบอกว่า “ถ้าเป็นพญานาคขอให้กลับไปเถิด” จากนั้นงูจึงเลื้อยลงไปในแม่น้ำมูล พระอาจารย์กล่าวว่า “พญานาคเวลาเข้าไปในเขตของเขาเข้าไปในถ้ำเขาจะกลายเป็นคน แต่ถ้าออกมาจากถ้ำเขาจะกลายเป็นงูใหญ่” และในนิมิตพระอาจารย์โกยังเห็นนาคราช 2 ตน ตนหนึ่งชื่อ “พิมเสนนาคราช” และ “นาคราช” (เป็นพี่น้องกัน) พระอาจารย์โกได้อธิฐานขอให้พบปาฏิหาริย์หากพญานาคมีจริง กระทั่ง วันหนึ่งยืนอยู่ริมแม่น้ำมูลได้เห็นเต่า 2 ตัวขนาดใหญ่ขึ้นมาจากแม่น้ำมูล จึงเป็นที่รู้แล้วว่าเต่า 2 ตัวนั้นคือพญานาคที่แปลงกายขึ้นมาเพราะไม่อยากให้กลัว ภายหลังพระอาจารย์นิมิตเห็นพญานาคชื่อว่า “ทะนะมูลนาคราช” เป็นเจ้าผู้ปกครองลุ่มแม่น้ำมูลแห่งนี้และเป็นพญานาคที่ศรัทธาในพุทธศาสนาจึงจัดสร้างรูปปั้นขึ้นและมีพิธีกรรมบวงสรวงพญานาค [7]
รูปปั้นพญานาคที่วัดป่าปากโดม ชาวบ้านเรียกองค์สีขาวว่าองค์ย่าประทุมและสีเขียวว่าองค์ปู่ภูวงศ์
นอกจากรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่บริเวณด้านหน้าที่นักท่องเที่ยวพบเห็นและนิยมสักการะ ยังมีพญานาคในรูปงูใหญ่อยู่ด้านหลังบริเวณติดกับปากโดมและแม่น้ำมูล ชาวบ้านกล่าวถึงเรื่องราวของงูใหญ่ที่เลื้อยขึ้นมาบริเวณนี้ พื้นที่ลำโดมใหญ่ (ปากโดม) มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพญานาคว่า พญานาคทะนะมูลนาค เป็นพญานาคผู้เปี่ยมบารมี และตบะญาณแก่กล้า ผู้ปกครองวังบาดาลแถบลุ่มแม่น้ำมูล เชื่อกันว่ามีวังบาดาลอยู่บริเวณวัดป่าปากโดม จอมนาคาผู้ยิ่งใหญ่แห่งลุ่มน้ำมูลเป็นที่รู้จักของเหล่ามนุษย์และมีผู้คนมากมายมาสักการะขอพร มีความอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมายแก่ผู้ศรัทธาจนเป็นที่เลื่องลือของผู้คนขนานนามว่า “พญานาคพ่นทรัพย์” เพราะประทานทรัพย์โชคลาภให้แก่ผู้มาจออย่างมากมาย
ศาลพญานาคด้านหลังวัดติดกับปากโดมและแม่น้ำมูล มีรูปปั้นงูใหญ่สีดำเฝ้าอยู่
ไม่ห่างจากวัดป่าปากโดมมีพญานาคบริเวณริมฝั่งแม่น้ำมูลแก่งสะพือมีรูปปั้น “พระพือ” เป็นรูปสลักจำลอง มีข้อความเขียนไว้ว่า “พระพือเป็นแท่นหินรูปเทวสตรี มือขวาถือจักร มือซ้ายถือดอกบัว เดิมประดิษฐานอยู่กลางแก่งสะพือ ในเดือนเมษายนของทุกปีประชาชนนิยมไปกราบไหว้บูชา สรงน้ำเพื่อเป็นสิริมงคล ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ใน อุโบสถ วัดสะแก้ว อำเภอพิบูลมังสาหาร” แก่งสะพือที่มาจากภาษาส่วน กวย หรือกูย ที่แปลมาจากคำว่างูใหญ่ ดังนั้น รูปปั้นพระพืออาจมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับงูใหญ่ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลของพญานาค
รูปปั้นพระพือเทวสตรีบริเวณแก่งสะพือ
เรื่องเล่าและตำนานเกี่ยวกับพญานาค ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ยังคงบอกเล่าและถ่ายทอดส่งต่อเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาคเรื่อยมาผ่านรุ่นสู่รุ่นเรื่อยมา ผู้คนที่แวะเวียนมาที่วัดป่าปากโดมจะนิยมไหว้บูชาพญานาคด้วยเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ หลากหลาย เช่น ดอกไม้ ดอกดาวเรือง ธูป เทียน ขันหมากเบ็ง ขั้นห้า บวงนาคบาศ และอื่นๆ รวมทั้งหลังการขอพรหรือหารบนบาน เพื่อให้ประสบความสำเร็จบางอย่างจะมีการนำของเซ่นไหวมาแก้บน เช่น น้ำแดง ไข่ไก่ หัวหมู ไก่ ผลไม้ พบวงมาลัย หรืออื่นๆ
นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาที่วัดป่าปากโดมเพื่อสักการบูชา ขอพร เซ่นไหว้ และบนบานสานกล่าวต่างๆ คนที่มายังวัดป่าปากโดมแห่งนี้มีทั้งนักแสวงบุญ นักแสวงโชค นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป หลายคนนิยมนำบวงบาศไปไหว้พญานาค มีทั้งที่ทำจากริบบิ้นและใบตอง ไว้บูชาพญานาค มีหลายสีที่คนสามารเอาไปไหว้ได้ตามวันเกิดหรือความเชื่อ ในตัวพญานาคมีทั้งเพชรนิลจินดาประดับตกแต่งเสริมความสวยงาม เพราะความเชื่อว่าตอนพญานาคจะแปลงร่างพญานาคจะมีสีประกาย ครึ่งตัวเป็นคน ครึ่งตัวเป็นพญานาค จัดของบูชานี้จึงมีไว้ถวายขอโชคขอดวง เปิดทรัพย์รับโชค เปิดดวงเสริมดวง และมีขันธ์หมากเบ็งไว้บูชาแทนเจดีย์ ดอกดาวเรืองไว้ไหว้ให้เจริญรุ่งเรือง
เครื่องเซ่นไหว้พญานาคที่ประดิษฐ์จากริบบิ้นหรือใบตองและประดับตกแต่ง
ชาวบ้านไปเรียนทำมาจากเพื่อนที่วัด คนที่เขาขายมาก่อน ทำไว้ขายเองมีราคาตั้งแต่ 10–200 บาท ส่วนใหญ่ชุดเปิดทรัพย์รับโชคจะขายดี ถ้าเป็นชุดเล็กก็ใช้พวงดอกไม้ ถ้าชัดใหญ่ก็เป็นพญานาคกับขันหมากเบ็ง ส่วนใหญ่มีแต่แม่ออกค้ำ (ผู้หญิงที่เลื่อมใสในศาสนา) เป็นคนขาย แต่ก่อนเคยขายอยู่ใกล้วัดมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ที่ตั้งเดิมมีคนซื้อที่ดินไปแล้ว เป็นคนที่มีร้านและมีเงินทุนขอซื้อจากเจ้าของที่ดินไป และในบริเวณวัดมีที่ให้ขายได้เช่นกัน แต่พื้นที่เต็มแล้ว สำหรับคนที่ขายในวัดจะช่วยกันเสียค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ารถเก็บขยะตามความเหมาะสมกับรายจ่ายในแต่ละเดือน
แท่นบูชาของชาวบ้านที่มีทั้งความเชื่อเรื่องพุทธ ผี และพญานาค
ความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคมาควบคู่กันกับความเชื่อเรื่องผี และพุทธ โลกทัศน์ของชาวบ้านมองว่าพญานาคเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่มีอำนาจและอิทธิฤทธิ์ในการดลบันดาลโชคลาภและความสำเร็จให้กับคนที่เคารพบูชา พบว่า บ่วงนาคบาศถูกวางบูชาพญานาคและผีบนหิ้งพระของชาวบ้านรวมกับพระ ดอกไม้ ธูป เทียน น้ำแดง และอาหารคาว/หวาน และบริเวณวัดป่าปากโดม มีชาวบ้านนิยมนำบ่วงนาคบาศ ดอกไม้ ดอกดาวเรือง ธูป เทียน น้ำแดง และไข่ไก่มาเซ่นไหว้พญานาค นักท่องเที่ยวคนหนึ่งกล่าวว่า “เดินทางมาจากอำเภอสำโรง ได้ยินชื่อเสียงของพญานาคที่นี่มานาน กระทั่งญาติมาจากจังหวัดอุดรธานี จึงชวนกันมาไหว้ขอพรที่นี่ ครั้งนี้แค่มาขอพรเท่านั้น ไม่ได้บนบานอะไร เห็นไข่ที่เขาวางไว้ตรงนั้นน่าจะเป็นไข่ของคนที่เขาประสบความสำเร็จหลังจากมาขอหรือมาบนบานไว้”
จุดธูปให้พญานาค 7 ดอก ถ้าบนบานสานกล่าว 9 ดอก ดอกไม้ 5 คู่ คือ ขันธ์ 5 มีน้ำแดงและอื่นๆ เป็นการไหว้เจ้าที่ พญานาคเป็นเทพไม่เรียกว่าผี แต่บางครั้งชาวบ้านมองสิ่งศักดิ์สิทธ์เป็นความหมายเชิงบากทำนองเดียวกัน ทั่งพญานาค ผี นางกวัก และพระแต่ข้อจำกัดของชาวบ้านคือการรวมกลุ่มอาจจะยาก เพราะขายด้วยกันไม่ถูกกันก็มี ไข่แก้บน มีการขอเรื่องต่าง ๆ เช่น หน้าที่การงาน การใช้ไข่มีตั้งแต่ 1-9 ถาดแล้วแต่คนที่บน มีทั้งหัวหมู ไก่ แล้วแต่คนจะบน ตั้งแต่ผมเกิดมาผมก็เห็นพญานาค ตั้งแต่มีพญานาคมาถือว่าสังคมและเศรษฐกิจบ้านเราดีขึ้นกว่าแต่ก่อน บางคนมีอยู่มีกิน บางคนทำร้านใหญ่ตั้งหลักครอบครัวได้เลย เพราะไม่ได้มีค่าใช้จ่ายหลัก มีแค่เสียค่าน้ำค่าไฟครั้งละ 100-200 บาท แล้วแต่ครั้ง
เครื่องเซ่นไหว้บูชาและของแก้บนบาน
บริเวณรูปปั้นพญานาคมีแผ่นป้ายเขียนข้อความบทสวดคาถาและคำแปลไว้ คือ คาถาบูชาปู่ทะนะมูละนาคราช และขอโชคลาภ คาถา มหาโชคลาภ และคำอธิฐาน มีข้อความว่า ด้วยอำนาจพระรัตนตรัย ข้าพเจ้า (ชื่อ-นามสกุล) มีความเชื่อ มีความศรัทธาในทิพย์ภาวะ และบุญบารมีแห่งองค์เพทบุตร นาคราช ทั้ง 4 ตระกูล วิรูปักโข, ฉัพพยาปุตตะ, กันหาโคตรมะ, เอราปถะปู่ศรีสุทโธ นาคราชแห่งอีสานทิศ ชมพูนาคราชแห่งอุดรทิศ และพญานาคทุกหมู่เหล่าทุกทิศานุทิศทั่วสากลจักรวาล ข้าพเจ้าถวายดอกไม้มงคล และเครื่องบูชาสักการะนี้ จงสำเร็จแด่องค์เทพบุตรนาคราช ตลอดถึงนาคราชทุกหมู่เหล่าซึ่งมีท่านทะนะมูลนาคราช เป็นต้น จงรับและประทานพรอันประเสริฐให้บังเกิดความสุข ความเจริญ มีเสน่ห์เมตตามหานิยม บังเกิดโชคลาภ ความร่ำรวย โชคดี ตลอดจนถึงขอให้มีที่ดิน ที่อยู่อาศัย มีทรัย์สมบัติอันมั่นคง ดำรงตนเพื่อประกอบคุณงามความดี และสร้างบุญกุศลได้ตลอดไป ขอคำอธิฐานนี้จงเกิดแก่ข้าพเจ้า ครอบครัวของข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ด้วยเทอญ (สร้างถวายโดย คุณวัฒนา พันธุ์เสือ)
ข้อความในบทคาถาว่า “คาถาบูชาปู่ทะนะมูละนาคราช และขอโชคลาภ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธธัสสะ (3 จบ) พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ พุทธโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโฆนะ สีสะหัสสะ สุธรรมา มณีนพรัตน์ เอหิสังคัง ปิยังมะมะ เมตตัญจะมหาโลภา ปิโยนาคะ สุปันนานัง อะหังวันทามิ ทะนะมูละ นาคาธิบดี นะมามิหัง สิทธิโลโภนิรันตะรัง สัพพะสิทธิภะวันตุเม อะหังวันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ” (หมายเหตุ: สร้างโดย คุณธัญธิญา – คุณพธินิต พันธุ์สุวรรณ) และ คาถา มหาโชคลาภ ตั้งนโม (3จบ) นะมามิ สิระสา จะนาละปะ ธัมมาสะคะ สับตีสะ เมตตะ นาคะราเชนะ ยาถาปิสะโค กายาวาจา จิตตัง อะหัง วันทา นาคาธิบดี ทะนะมูละ วิสุทธิเทวา ปูเชมิ ทุติยัมปิ กายาวาจา จิตตัง อะหัง วันทา นาคาธิบดี ทะนะมูละ วิสุทธิเทวา ปูเชมิ ตะติยัมปิ กายาวาจา จิตตัง อะหัง วันทา นาคาธิบดี ทะนะมูละ วิสุทธิเทวา ปูเชมิ เมตตัณจะ มหาลาโภ ปิโย นาคา ปริตตัง”
ป้ายข้อความคาถาและคำอธิฐาน